อธิบายธรรมเป็นกุศลติกที่ ๑ ¹
บัดนี้ เป็นการพรรณนาบทตามบทมาติกา มีคำว่า กุสลา ธมฺมา
เป็นต้นนี้. กุศลศัพท์ใช้ในอรรถว่า ความไม่มีโรค ความไม่มีโทษ
ความฉลาด และมีสุขเป็นวิบาก. จริงอยู่ กุศลศัพท์นี้ใช้ในอรรถว่า
ความไม่มีโรค ดังในประโยคมีอาทิว่า กจฺจิ นุ โภโต กุสลํ กจฺจิ โภโต
อนามยํ (ความไม่มีโรค มีแก่ท่านผู้เจริญบ้างหรือ ความไม่ป่วยไข้ มีแก่
ท่านผู้เจริญบ้างหรือ). ใช้ในอรรถว่า ความไม่มีโทษ ดังในประโยคมีอาทิ
ว่า กตโม ปน ภนฺเต กายสมาจาโร กุสโล โย โข มหาราช
กายสมาจาโร อนวชฺโช... (ข้าแต่ท่านพระอานนท์ กายสมาจารที่เป็นกุศล
เป็นไฉน ดูก่อนมหาบพิตร กายสมาจารที่ไม่มีโทษแล ข้าแต่ท่านผู้เจริญ
ยังมีอีกข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นข้อธรรมที่เยี่ยม คือพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธรรม
ในธรรมทั้งหลายอันไม่มีโทษ). ใช้ในอรรถว่า ความฉลาด ในประโยคมี
อาทิว่า กุสโล ตฺวํ รถสฺส องฺคปจฺจงฺคานํ กุสลา นจฺจคีตสฺส
จตุริตฺถิโย (ท่านเป็นผู้ฉลาดในเครื่องประกอบของรถ และคำว่า หญิง ๔ คน
ศึกษาดีแล้ว เป็นผู้ฉลาดในการฟ้อนรำขับร้อง). ใช้ในอรรถว่า สุขวิบาก
¹ ได้แก่กุศลจิต ๒๑ เจตสิก ๓๘ แจกเป็นขันธ์ ๔ อายตนะ ๒ ธาตุ ๒ สัจจะ ๒ คือ เจตสิก
๓๘ นั้น เวทนาเป็นเวทนาขันธ์ สัญญาเป็นสัญญาขันธ์ เจตสิกที่เหลือ ๓๖ เป็นสังขารขันธ์
กุศลจิต ๒๑ เป็นวิญญาณขันธ์. ได้อายตนะ ๒ คือ กุศลจิต ๒๑ เป็นมนายตนะ เจตสิก ๓๘
เป็นธัมมายตนะ ได้ธาตุ ๒ คือ กุศลจิต ๒๑ เป็นมโนวิญญาณธาตุ เจตสิก ๓๘ เป็นธรรมธาตุ
ได้สัจจะ ๒ คือโสกิยโลกิยกุศล กุศลจิต ๑๗ เจตสิก ๓๘ เป็นทุกขสัจจะ องค์มรรค ๘ ในปฐมฌานมรรค
หรือองค์มรรค ๗ ในทุติยฌานมรรคขึ้นไปเป็นมัคคสัจจะ ส่วนธรรมที่เหลือในกุศลบทนี้ ๒๙
เป็นสัจจวิมุตติ (พ้นจากสัจจะ ๔) คือ โลกุตรจิต ๔ ตามลักษณะจิตนับเป็น ๑ เจตสิกที่
เหลือจากองค์มรรค ๘ อีก ๒๔ รวมมัคคจิตตุปบาท ๒๙.
No comments:
Post a Comment