เพื่อต้องให้เป็นเภสัชแล้วถวายพร้อมกับไตรจีวร ผ้าจีวรที่ภิกษุนวกะในสงฆ์
ได้มีราคาถึงแสนกหาปณะ.
พระศาสดาเมื่อจะกระทำอนุโมทนาทรงใคร่ครวญดูว่า บุรุษนี้ ได้ให้
ทานใหญ่เห็นปานนี้ จักเป็นอะไรหนอ ทรงเห็นว่า ในอนาคตกาล ในที่สุด
แห่งสองอสงไขยยิ่งด้วยแสนกัป จักเป็นพระพุทธเจ้า พระนามว่า โคตมะ
ดังนี้ จึงตรัสเรียกมหาบุรุษมาแล้วทรงพยากรณ์ว่า ล่วงกาลประมาณเท่านี้แล้ว
เธอจักเป็นพระพุทธเจ้า พระนามว่า โคตมะ. มหาบุรุษสดับฟังพยากรณ์ว่า
ได้ยินว่า เราจักเป็นพระพุทธเจ้า ประโยชน์อะไรด้วยการครองเรือนของเราเล่า
เราจักบวช ดังนี้ แล้วละสมบัติเห็นปานนั้น ดุจถ่มก้อนเขฬะแล้วบวชในสำนัก
พระศาสดา ก็ครั้นบวชแล้วก็เรียนพระพุทธวจนะ ยังอภิญญาทั้งหลายและ
สมาบัติทั้งหลายให้เกิดแล้ว ในเวลาสิ้นสุดอายุแล้วก็บังเกิดขึ้นในพรหมโลก.
ก็พระนครของพระผู้มีพระภาคเจ้า พระนามว่า มังคละ ได้มีชื่อว่า
อุตตระ พระบิดาเป็นกษัตริย์พระนามว่า อุตตระ พระมารดา พระนามว่า
อุตตรา พระสุเทวเถระและพระธรรมเสนเถระเป็นคู่พระอัครสาวก พระอุปัฏฐาก
ชื่อว่า ปาลิตะ พระสีวลีเถรีและพระอโสกาเถรี เป็นคู่พระอัครสาวิกา ไม้
กากะทิงเป็นต้นไม้ตรัสรู้ พระสรีระสูง ๘๘ ศอก ดำรงพระชนมายุอยู่ ๙
หมื่นปีก็เสด็จดับขันธปรินิพพาน ก็เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าปรินิพพานแล้ว
หมื่นจักรวาลก็ได้มืดพร้อมกันหมด การร้องไห้รำพันใหญ่ได้มีแก่มนุษย์
ทั้งหลายในจักรวาลทั้งหมดแล.
๑จบมังคลก
No comments:
Post a Comment