ประมาณแสนโกฏิ ในครั้งที่สองประมาณพันโกฏิ ในครั้งที่สามประมาณ เก้าสิบ
โกฏิ.
ได้ยินว่า อานันทกุมาร เป็นพระ
พระภาคเจ้านั้น พร้อมทั้งบริษัท ๙๐ โกฏิ ได้เสด็จไปสู่สำนักของพระศาสดา
เพื่อทรงสดับธรรม. พระศาสดาตรัสอนุปุพพิกถาแก่เธอ เธอพร้อมด้วยบริษัท
บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทา พระศาสดาทรงตรวจดูบุรพจริยาของ
กุลบุตรเหล่านั้น ทรงเห็นอุปนิสัยของการได้บาตรและจีวรอันสำเร็จด้วยฤทธิ์
จึงทรงเหยียดพระหัตถ์เบื้องขวา ตรัสว่า " พวกเธอจงเป็นภิกษุ " ดังนี้ ขณะนั้น
นั่นแหละ กุลบุตรทั้งปวงก็ทรงบาตรและจีวรอันสำเร็จด้วยฤทธิ์ เป็นเหมือน
พระเถระมีพรรษา ๖๐ ถึงพร้อมด้วยกิริยามารยาทมาแวดล้อมถวายบังคมพระ-
ศาสดา. ศาสนาของพระผู้มีพระภาคเจ้านี้ ก็มีสาวกสันนิบาตสามครั้ง.
ก็รัศมีสรีระของพระพุทธเจ้าทั้งหลายอื่น ๆ มีประมาณ ๘๐ ศอก โดย
รอบเป็นประมาณ แต่ว่า รัศมีสรีระของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า มังคละ
นั้นหาเหมือนพระพุทธเจ้าอื่น ๆ ไม่ คือ มีพระรัศมีแผ่ออกไปสู่แสนโลกธาตุ
ตั้งอยู่ตลอดกาลเป็นนิตย์ ต้นไม้ ภูเขา มหาสมุทรเป็นต้น โดยที่สุดมีหม้อข้าว
เป็นต้น ได้เป็นเหมือนหุ้มไว้ด้วยแผ่นทองคำ ฉะนั้น ก็พระชนมายุของ
พระองค์มีประมาณเก้าหมื่นปี ตลอดกาลมีประมาณเท่านี้ พระจันทร์ พระ-
อาทิตย์เป็นต้น ไม่อาจเพื่อเปล่งรัศมีของตนได้ การกำหนดกลางคืนและ
กลางวันไม่ปรากฏ สัตว์ทั้งหลายเที่ยวไปด้วยแสงสว่างของพระพุทธเจ้าเป็นนิตย์
ดุจกลางวันด้วยแสงอาทิตย์ สัตว์โลกกำหนดกลางคืนและกลางวันได้ ด้วย
ดอกไม้บานว่าเป็นเวลาเย็น กำหนดเสียงนกร้องเป็นเวลาเช้า.
ถามว่า ก็อานุภาพนี้ของพระพุทธเจ้าพระองค์อื่นไม่มีหรือ ?
ตัวตนของพุทธศาสตร์ โดยฐานที่เป็นบุคคล เมื่อพูดไปแล้วถึงการบรรลุ ที่ให้เป็นอยู่ หรือให้ต้องเป็นไปโดยนิยาม ทั้งหลาย , ที่ซึ่งในทางการเขียนแล้ว ข้าพเจ้าก็อยากให้ดูคำว่า‘สะกด!’ ซึ่งประทับตั้ง!อยู่ในใจของพวกเราอยู่แล้วว่า สะกด!
ReplyDeleteแต่ในความ สำหรับข้าพเจ้านี้เอง บทที่อาจจะว่าไปถึงการบรรลุ ที่ให้เป็นไป หรือว่าให้เป็นอยู่โดยนิยาม แล้วข้าพเจ้าคิดถึงคำว่า กฎใหญ่ กฎหลัก กฎอย่างยิ่ง , ซึ่งในที่นี้ สำหรับชีวิต
หากเมื่อได้มองแง่ลบ แล้วเราก็อาจจะให้เข้าใจไปได้ว่า ปวงข้าไทยทั้งหมดทั้งปวงสิ้น ย่อมอาจที่จะคิดไปถึงความหมายของคำนี้ ไปว่า เป็นการ‘กดขี่ข่มเหง’ก็อาจเป็นได้ ด้วยบทนิยามที่มีอยู่ภายในใจอยู่แล้ว เรื่องไตรลักษณ์
ซึ่งได้บอกอยู่แล้วว่า ‘พระเจ้ามหาหสมมติ’ได้เข้ามาเป็นเจ้าเป็นใหญ่ อยู่ในหัวใจ อยู่ในแผ่นผืนวิญญาณจิตรองบาท ซึ่งได้บอกอยู่แล้วว่า พุทธศาสตร์โดยฐานที่เป็นบุคคล ซึ่งก็ย่อมหมายความว่า เป็นพระเจ้าหลวงซึ่งเป็นเจ้ามหาสมมติ ฉะนั้น จะประทานเมตตา
หรือสิ่งของตามความเมตตา ก็ดี ที่เมื่อกล่าวไปถึง การบรรลุ ประโยชน์ ด้วยวัตถุประสงค์ ซึ่งการสงเคราะห์กันอยู่ ด้วย บทแห่งสัมมัตตนิยาม ตามความหมาย โดยฐาน ที่ต้องเป็น หรือต้องกระทำอยู่ โดยพุทธศาสตร์ อันดลให้บรรลุถึงที่ได้ ในลาภผล และยศศักดิ์ตามปรารถนา ฉะนั้น พระเจ้ามหาสมมุติ ดลบันดาลตอบให้ได้
แต่ว่า ในเรื่องของการตำรา? หรือที่ชื่อว่า ลาภผลทางการพิสูจน์ตำรา ฉะนั้น ยังไม่มี , ที่ซึ่งการให้ลาภผล ใด ๆ ฉะนั้น ก็จะต้องเกิดมาจากพระเจ้ามหาสมมติ หรือพระเจ้ามหาสมมุติ เกิดขึ้น แต่อันกล่าวอยู่ แต่ด้วยบทไตรลักษณ์อันที่เป็นเบื้องบนที่สุด ฉะนั้น จะประทาน
แล้วให้ เห็นอยู่ว่า ศัพท์ ลาภ! สะกดอยู่ด้วย ภ อักษร ภอสำเภา คำว่า ผล! สะกดอยู่ด้วย ล อักษร ลอลิง และคำว่า ยศ! ฉะนั้น สะกดอยู่ด้วย ศ อักษร ศอศาลา ซึ่งโดยรวมของการสะกด! ก็ให้อาจ รู้ภาค การรู้เห็นอยู่ว่า เป็นไป โดยศุภมูลเหตุ หรือด้วยการณะ อันใดอันหนึ่ง ที่ท่านจะให้เป็นกุศล
เมื่อเรื่อง แต่จะให้การพิสูจน์พุทธศาสตร์ ฉะนั้น เป็นกุศล เป็นกรรมบถสมบูรณ์ได้ ตกต้องตามมูลเหตุ แก่ชนทั้งปวง ทุกหมู่เหล่า ทั้งผอง ทุกคนทุกผู้ที่ท่านรู้หนังสือไทย ก็จำต้องเข้ามาสู่การสมมุติเสียก่อน แก่ส่วนที่จะเรียกว่า นี้ คือการพิสูจน์ แหละที่นี้ นั่นแหละ ที่ร้องเรียกรวมกันว่า เป็นอาทิกำลัง! แด่ศุภผลดลบันดาล บทจรดถึงการ ที่จะกระทำให้สมบูรณ์ ด้วยต่อไปนี้