Saturday, December 18

Khong Ton


แม้ธรรมที่มีอัพยากตะอยู่ข้างหน้า แม้ธรรมมีกุศลศัพท์อยู่ข้างหน้าอื่น ก็เป็น
อภาวะเหมือนกัน แม้กุศลเป็นต้นเหล่าอื่นนอกจากธรรมที่ถึงความเป็นอภาวะ
อย่างนี้ ก็พึงเป็นอภาวะนั่นแหละ คำนั้นทั้งหมดไม่ใช่เหตุสำคัญ.
ถามว่า เพราะเหตุไร ?
ตอบว่า เพราะคำทั้งหมดนั้นสำเร็จโดยโวหารที่รู้กัน.
จริงอยู่ โวหารที่เขารู้กัน รับรองกันในอรรถทั้งหลายโดยประการใดๆ
ก็สำเร็จได้โดยประการนั้น ๆ นั่นแหละ ก็การกล่าวถึงธรรมที่มีกุศลเป็นบทหน้า
และการกล่าวถึงกุศลศัพท์ที่มีธรรมเป็นบทหลัง ในคำเป็นต้น กุสลา ธมฺมา
ดังนี้ บัณฑิตทั้งหลายไม่ยอมรับ เพราะไม่มีความหมายต่างกันของตน เหมือน
อย่างที่ไม่รับรองคำอย่างนี้ว่า กุสลา กุสลา และไม่รับรองว่ามีอรรถะที่ส่อง
ถึงกันและกัน ดุจศัพท์ว่า กุสลา รูปํ จกฺขุมา (กุศล รูป คนมีจักษุ).
ส่วนกุศลศัพท์ ในคำว่า กุสลา ธมฺมา นี้ บัณฑิตรับรองแล้ว
โดยส่องถึงอรรถ คือ ความไม่มีโทษ และมีสุขเป็นวิบาก. อกุศลศัพท์ บัณฑิต
รับรองแล้ว โดยความส่องถึงอรรถว่าเป็นโทษและมีทุกข์เป็นวิบาก. อัพยากต-
ศัพท์ บัณฑิตรับรองโดยความส่องถึงอรรถว่า ไม่มีวิบาก.
ธัมมศัพท์ บัณฑิตรับรองโดยความส่องถึงอรรถว่า มีการทรงไว้ซึ่ง
ภาวะของตนเป็นต้น. ธัมมศัพท์นั้น เมื่อท่านกล่าวไว้ในระหว่างศัพท์เหล่านั้น
ศัพท์ใดศัพท์หนึ่ง ก็ย่อมแสดงถึงความเสมอกันแห่งอรรถของตน จริงอยู่
ศัพท์เหล่านี้ทั้งหมด ชื่อว่า ธรรม เพราะมีการทรงไว้ซึ่งภาวะของตนเป็นต้น
เป็นลักษณะ และแม้กุศลศัพท์เป็นต้น ที่ท่านกล่าวอยู่ข้างหน้าของธัมมศัพท์
ก็ย่อมส่องถึงความแปลกกันของอรรถของธัมมศัพท์นั้นของต้นแห่งอรรถภาวะของตน.

Insert Table

   🔠  ₂₀₂

No comments:

Blog Archive

Phra Ratana Kosin Sok Thi 236 —239