Tuesday, December 28

Samma


ครั้งนั้น พระโพธิสัตว์ เป็นดาบส นามว่า มังคละ มีเดชกล้า
ถึงพร้อมด้วยกำลังแห่งอภิญญา ได้นำผลหว้าใหญ่มาถวายพระตถาคตเจ้า.
พระศาสดาทรงเสวยผลหว้านั้นแล้ว ทรงพยากรณ์พระโพธิสัตว์ว่า ในที่สุด
แห่งกัป ๙๔ จักเป็นพระพุทธเจ้า ดังนี้.
พระนครของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นมีนามว่า เวภาระ พระบิดา
เป็นพระราชามีพระนามว่า เชยยเสนะ พระมารดา พระนามว่า สุผัสสา
พระสัมพลเถระและพระสุมิตตเถระเป็นคู่พระอัครสาวก พระอุปัฏฐาก นามว่า
เรวตะ พระสีวลาเถรีและพระสุรามาเถรีเป็นคู่พระอัครสาวิกา ต้นไม้กรรณิการ์
เป็นไม้ตรัสรู้ พระสรีระของพระองค์สูง ๖๐ ศอก มีพระชนมายุหนึ่งแสน
พรรษาแล.
จบสิทธัตถกถา

ติสสกถาที่ ๑๗

ในกาลต่อจากพระสิทธัตถสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นมาถอยไปแต่
ภัทรกัปนี้ ๙๒ กัป ในกัปหนึ่ง มีพระพุทธเจ้า ๒ พระองค์ ทรงอุบัติขึ้น คือ
พระติสสสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระปุสสสัมนาสัมมาสัมพุทธเจ้าสาวกสันนิบาต
ของพระติสสสัมมาสัมพุทธเจ้าก็มี ๓ ครั้ง ในสันติสันนิบาตบาตครั้งแรก มีภิกษุ ๑๐๐
โกฏิ ในครั้งที่ ๒ มีภิกษุ ๙๐ โกฏิ ในครั้งที่ ๓ มีภิกษุ ๘๐ โกฏิ.
ครั้งนั้น พระโพธิสัตว์ เป็นกษัตริย์ ทรงพระนามว่า สุชาตะ มี
พระราชสมบัติมาก มีพระยศใหญ่ ทรงผนวชเป็นฤาษีฤๅษี ถึงความเป็นผู้มีฤทธิ์
มาก ทรงสดับว่า พระพุทธเจ้าทรงอุบัติแล้ว จึงถือเอาดอกมณฑารพ ดอกปทุม

Insert Table

   🔠  ₁₇₂

No comments:

Blog Archive

Phra Ratana Kosin Sok Thi 236 —239