นารทกถาที่ ๙
ในกาลต่อจากพระปทุมพุทธเจ้านั้น พระศาสดา ทรงพระนามว่า
นารทะ ก็ทรงอุบัติขึ้น แม้สาวกสันนิบาตของพระองค์ก็มี ๓ ครั้ง สันนิบาต
ครั้งแรกมีภิกษุหนึ่งแสนโกฏิ ครั้งที่ ๒ มีภิกษุเก้าหมื่นโกฏิ ครั้งที่ ๓ มี
ภิกษุแปดหมื่นโกฏิ.
ครั้งนั้น พระโพธิสัตว์บวชเป็น
สมาบัติ ๘ ได้ถวายมหาทานแก่หมู่ภิกษุ มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขแล้วบูชา
ด้วยจันทน์แดง แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นก็ทรงพยากรณ์พระโพธิสัตว์
นั้นว่า ในอนาคตกาล เขาจักเป็นพระพุทธเจ้า ดังนี้.
ก็พระนครของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ก็มีนามว่า ธัญญวดี
พระบิดาเป็นกษัตริย์ พระนามว่า สุเทวะ พระมารดา พระนามว่า อโนมา
พระภัททสาลเถระ และชิตมิตตเถระเป็นคู่พระอัครสาวก พุทธุปัฏฐากชื่อว่า
พระวาสิฏฐะ พระอุตตราเถรีและผัคคนีเถรีเป็นคู่พระอัครสาวิกา ต้นไม้อ้อย
ช้างใหญ่เป็นไม้ตรัสรู้ พระสรีระสูง ๘๘ ศอก พระชนมายุเก้าหมื่นพระพรรษาแล.
จบนารทกถา
ปทุมุตตรกถาที่ ๑๐
ในกาลต่อจากพระนารทพุทธเจ้าพระองค์นั้นมา ล่วงไปหนึ่งอสงไขย
นับถอยไปแต่กัปนี้ ในที่สุดแห่งแสนกัป ในกัปหนึ่ง มีพระพุทธเจ้าทรง
พระนามว่า ปทุมุตตระ พระองค์เดียวเท่านั้น ทรงอุบัติขึ้น สาวกสันนิบาต
แม้ของพระองค์ก็มี ๓ ครั้ง ในครั้งแรกมีภิกษุหนึ่งแสนโกฏิ ครั้งที่ ๒
มีภิกษุมาประชุมที่ภูเขาเวภารบรรพตเก้าหมื่นโกฏิ ครั้งที่ ๓ มีภิกษุแปดหมื่นโกฏิ.
No comments:
Post a Comment
ประณาม Khatha สำหรับ Phra สรรพาลังการ Pali ศัพท์