จะต้องเทียบเคียงของธรรมชาตินั้นกับผู้อื่นจะเป็นสมณะหรือพราหมณ์ หรือ
เทวดา หรือมาร หรือพรหมย่อมไม่มี เพราะเหตุนั้น ทิฏฐสังสันทนาปุจฉา
ของพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงไม่มี ก็เพราะพระผู้มีพระภาคเจ้า ···
ทรงข้ามพ้นวิจิกิจฉาแล้ว
วิมติเฉทนาปุจฉาของพระองค์จึงไม่มี. แต่ว่า ปุจฉา ๒ นอกจากนี้ มีอยู่แก่
พระผู้มีพระภาคเจ้า ในปุจฉา ๒ เหล่านั้น พึงทราบ กตเม ธมฺมา กุสลา
ดังนี้ว่าเป็นกเถตุกัมยตาปุจฉา ต่อไป
บรรดาบทเหล่านั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ย่อมตรัสถามในธรรมที่ทรง
ยกขึ้นแสดงด้วยบทว่า กตเม ดังนี้ เพราะว่า ด้วยคำสักว่า ธมฺมา กุสลา
ดังนี้ ใคร ๆ ก็ไม่อาจเพื่อจะรู้ได้ว่า กระทำอะไรแล้ว หรือว่า ย่อมกระทำ
อะไร แต่เมื่อตรัสคำว่า กตเม แล้ว ความที่ธรรมอันพระองค์พึงยกขึ้นแสดง
เหล่านั้นมาถามแล้ว ก็ย่อมปรากฏ ด้วยเหตุนั้น จึงกล่าวว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า
ย่อมตรัสถามในธรรมที่ทรงยกขึ้นแสดงด้วยบทว่า กตเม ย่อมทรงแสดงธรรม
ที่ตรัสถามด้วยคำถามสองบทว่า ธมฺมา กุสลา ดังนี้ เนื้อความแห่งธรรม
เหล่านั้น ประกาศไว้แล้วแล.
ถามว่า ก็เพราะเหตุไร ในที่นี้ ไม่ตรัสคำว่า กุสลา ธมฺมา เหมือน
มาติกา แต่ตรัสทำตามลำดับแห่งบทว่า ธมฺมา กุสลา ตอบว่า เพื่อแสดง
เทศนาธรรมทั้งหลายโดยประเภทแล้วแสดงธรรมมีชนิดต่าง ๆ เพราะว่า ใน
อภิธรรมนี้ พึงแสดงล้วน ๆ อภิธรรมเหล่านั้นมีประเภทมิใช่น้อยมีชนิดต่างๆ
มีกุศลเป็นต้น เพราะฉะนั้น ในอภิธรรมนี้ พึงแสดงธรรมทั้งหลายเท่านั้น
เทศนานี้ ไม่ใช่แสดงโดยโวหาร แต่ธรรมเหล่านั้นพึงแสดงประเภทต่าง ๆ
มิใช่น้อย มิใช่แสดงเพียงสักแต่ธรรม เพราะเทศนาโดยประเภทต่าง ๆ ย่อม
No comments:
Post a Comment